by Unknown author
Riviera-Suisse-best-facial-night-cream

Hall of Fame: รางวัลต่างๆที่ Skincare จาก Riviera Suisse ได้คว้ามาแล้ว!

หลาย ๆ คนตามหา Skincare ที่ดีจากรีวิวบ้าง คนใกล้ตัวแนะนำบ้าง หรือผ่านจากโฆษณา แต่รู้หรือไม่! เราสามารถหาได้จาก Event ดัง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสกินแคร์ได้เหมือนกัน ซึ่ง Event เหล่านี้มีการมอบรางวัลการันตีคุณภาพสำหรับแบรนด์ที่ถูกเลือกอีกด้วย และ และ และ ! Riviera Suisse Foam ของเราก็ได้รับรางวัลจาก CLEO BEAUTY HALL OF FAME 2019 รวมถึง Face Balm Night ที่ได้รับรางวัลจาก EVEANDBOY Best Selling Awards 2019 วันนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่าทั้ง Foam และ Face Balm Night ของเราดีอย่างไร ทำไมถึงได้รับรางวัลเหล่านี้มาครอบครอง พร้อมแล้วไปดูกัน! Face Balm Night ครีมบำรุงผิวหน้า ที่ได้รางวัล EVEANDBOY Best Selling Awards 2019 Face Balm Night เป็นครีมเนื้อบาล์มที่ช่วยบำรุงผิวหน้าในเวลากลางคืน เมื่อใช้เป็นประจำ จะสามารถช่วยคงความชุ่มชื้นตลอดคืน ทำให้ริ้วรอยแลดูจางลง และผิวนุ่มชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งหมดนี้ เกิดจากการเพิ่มกระบวนการสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิว โดย Face Balm Night เหมาะสำหรับการใช้กลางคืนก่อนนอน และมีคุณสมบัติดังนี้  สร้างเกราะป้องกันเพื่อต่อสู้กับสภาพแวดล้อม ฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง และช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย คืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ผิว  เพิ่มความชุ่มชื้นของผิวจากกรดไฮยาลูโรนิก Panthenol และ น้ำมันเมล็ด Moringa ผิวดูเรียบเนียน เต่งตึง ยกกระชับ จาก Syn®-TC เพิ่มกระบวนการสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิว ลดเลือนริ้วรอยได้ภายใน 28 วัน โดยวิธีใช้นั้น ให้หมุนฝาขวดเพื่อปลดล็อก กดฝาขวดเบาๆ ใช้เป็นประจำหลังจากการทำความสะอาดผิวหน้าตอนกลางคืน ทาครีมให้ทั่วใบหน้าและคอ หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณดวงตา รางวัล Best Selling Awards นั้นไม่ได้ ได้มาง่าย ๆ แต่เป็นเพราะ Face Balm Night มีส่วนผสมที่สำคัญต่างๆไม่ว่าจะเป็น น้ำมันเมล็ด Moringa (มอริงก้า) –  มีสรรพคุณในการชะลอวัย ต้านการอักเสบ และเพิ่มความชุ่มชื้น ดังที่ถูกเรียกว่าต้นไม้มหัศจรรย์ หรือ ต้นไม้แห่งชีวิต Syn®-TC – กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิว ลดเลือนริ้วรอยให้ดูอ่อนเยาว์ …

แบ่งปันบทความดีๆผ่านทาง
Read More
by Unknown author
ผิวหนัง อันตรายจากแสงแดด

ผิวหนัง อันตรายจากแสงแดด ข้อดีข้อเสีย

     สำหรับหลาย ๆ คน แสงแดดถือเป็นวายร้ายสำหรับ ผิวหนัง ไม่ว่าจะทำให้ผิวหมองคล้ำ ผิวหน้าแห้ง ลอก หรือทำให้ผิวหน้าไหม้ แต่สำหรับบางคน การไม่เจอแสงแดดเลยก็ส่งผลให้ไม่มีความสุขและมีอาการของภาวะซึมเศร้า โดยอาการนี้จัดว่าเป็นความผิดปกติของอารมณ์ตามฤดูกาล ดังนั้นวันนี้เราจะมาดูกันว่าแสงแดดนั้นมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง และเราควรปฏิบัติตนยังไงให้เหมาะสมเพื่อสุขภาพที่ดีของเรากัน! แสงแดด ประกอบด้วยอะไรบ้าง ?      แสงแดดที่ส่องมายังพื้นโลกจะประกอบไปด้วย 3 ส่วนด้วยกัน คือ  รังสี UV เป็นแสงที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มีความยาวคลื่นสั้นในช่วง 280-400 นาโนเมตร มีพลังงานสูงและสามารถทะลุเข้าเซลล์ผิวได้และไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาจากอนุมูลอิสระ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายของเซลล์ขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวไหม้ หมองคล้ำ เกิดริ้วรอย และอาจจะเป็นมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย รังสี UV สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนหลัก ๆ คือ UVA, UVB และ UVC แสงที่ให้ความสว่าง (Visible light) มีสัดส่วน 45% ของแสงแดดทั้งหมด มีระดับพลังงานที่ต่ำกว่ารังสี UV หลายพันเท่า แต่ถ้าได้รับเป็นเวลานานก็อาจจะทำให้ผิวหมองคล้ำหรือแห้งได้ แสงอินฟราเรด (Infrared) เป็นแสงที่มีพลังงานต่ำที่สุดและเป็นแสงที่ให้ความร้อน ดังนั้นแสงแดดที่เราสัมผัสแล้วรู้สึกร้อน ก็มาจากแสงอินฟราเรดนั่นเอง แสงแดดมีผลต่ออารมณ์อย่างไร      ในประเทศที่มีอากาศหนาวหรืออยู่ในช่วงฤดูหนาว มักจะไม่ได้รับแสงแดดเป็นเวลานาน ทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า SAD หรือ “Seasonal affective disorder” ที่ทำให้คนเรามีอาการคล้าย ๆ โรคซึมเศร้า เช่น รู้สึกไม่มีพลังในการใช้ชีวิต เบื่ออาหารที่เคยชอบ นอนมากเกินความจำเป็น มีปัญหาในการโฟกัส หงุดหงิดง่าย แต่ว่าอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นแค่ในฤดูหนาวที่แทบไม่เจอดวงอาทิตย์เลย ซึ่งจะเป็นช่วงเดือนตุลาคม-มีนาคมในปีถัดไป ในประเทศที่ฤดูหนาวยาวนาน ซึ่งเป็นที่มาของการจัดงานเทศกาลต่าง ๆ ในเดือนที่มืดมนเหล่านี้ เพื่อที่ชาวบ้านจะได้มารวมตัวกันสังสรรค์ เฉลิมฉลอง จุดเทียน และร้องรำทำเพลงเพื่อไล่ความเหงาออกไป      นอกจากแสงแดดจะส่งผลทางด้านอารมณ์แล้ว แสงแดดยังช่วยกระตุ้นร่างกายเราให้ผลิตวิตามินดี (vitamin D) ที่ช่วยให้กระดูกแข็งแรงและลดความเสี่ยงของภาวะโรคซึมเศร้า มีทฤษฎีว่าอาการ SAD มาจากการที่ร่างกายไม่ได้รับวิตามินดีมากพอ แต่ทฤษฎีนี้ก็ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ พอรู้อย่างนี้แล้ว ถึงแม้ว่าเราจะต้องทำงาน/เรียนอยู่ที่บ้านทั้งยังต้องมี social distancing จากโควิด (Covid-19) แต่เราจะปล่อยให้โควิดมาเอาแสงแดดออกจากชีวิตเราไม่ได้เลย เพราะการได้รับแสงแดดในปริมาณที่เหมาะสมมีข้อดีหลายอย่างนั้นเอง แสงแดดมีผลต่อผิวหนังอย่างไร      ตัวการที่ทำให้แสงแดดอันตรายก็คือ รังสี UVA และ UVB สามารถทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดริ้วรอยก่อนวัย ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผื่นแพ้แดด หรือแม้แต่มะเร็งผิวหนัง…

แบ่งปันบทความดีๆผ่านทาง
Read More
by Unknown author
SPF sunscreen รีเวียร่า สวิซ Riviera Suisse

SPF ในครีมกันแดดคืออะไร? ป้องกัน UVA และ UVB ได้แค่ไหน

     หลาย ๆ ท่านเวลาออกจากบ้านในช่วงกลางวันซึ่งเป็นเวลาที่แสงแดดแรงและจ้ามาก หนึ่งในสกินแคร์ที่ต้องนึกถึงเป็นอันดับแรกคงหนีไม่พ้น “ครีมกันแดด” คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่ายิ่งค่า SPF สูงเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ทั้งที่จริงแล้วอาจจะไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป วันนี้เราจะมาดูกันว่า SPF จริง ๆ แล้วคืออะไรและควรเลือกครีมกันแดดอย่างไรให้เหมาะสมกับตัวเอง มาดูกันเลย! รังสี UV วายร้ายจากแสงแดด      คนส่วนใหญ่จะเข้าใจกันโดยรวมว่า รังสี UV จะส่งผลให้ผิวของเราดำ หมองคล้ำ แต่จริง ๆ แล้ว รังสี UV สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่  รังสี UVA: เป็นตัวการที่ทำให้ผิวมี ริ้วรอย เหี่ยวย่น แก่ก่อนวัย และทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนังได้ เนื่องจากรังสี UVA สามารถทะลุไปถึงชั้นผิวหนังแท้และจะไปกดภูมิต้านทาน ทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังของเรา รังสีชนิดนี้ยังสามารถทะลุผ่านกระจกได้ ดังนั้นจึงควรทาครีมกันแดดไว้ถึงแม้ว่าจะอยู่ภายในอาคาร จำสั้น ๆ ไว้ว่า UVA ทำให้เกิด Aging  รังสี UVB: รังสีชนิดนี้ส่วนใหญ่จะทำอันตรายให้แก่ชั้นผิวหนังกำพร้า จึงส่งผลให้ผิว ไหม้แดด ดำ หมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ได้ รังสี UVB ไม่สามารถทะลุผ่านกระจกได้ จำสั้น ๆ ว่า UVB ทำให้เกิด Burning SPF คืออะไรกันแน่ ?      SPF ย่อมาจาก Sun Protection Factor เป็นค่าที่บอกถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVB เท่านั้นของครีมกันแดด โดย SPF 1 ก็คือความสามารถของผิวในการทนแสงแดดตามปกติ ก่อนที่ผิวจะไหม้ หมายความว่า ถ้าเราทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 ผิวของเราจะทนแสงแดดที่แรงเท่าเดิมได้เป็นเวลานานขึ้นถึง 30 เท่า เช่น ถ้าในสภาวะปกติผิวของคุณสามารถทนแดดแรงเท่านี้ได้เป็นเวลา 10 นาที การทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 จะทำให้ผิวคุณทนแดดที่แรงเท่าเดิมได้ถึง 300 นาที ถ้าแสงแดดแรงขึ้น เวลาที่ทนแดดได้ก็จะน้อยลง แต่ถ้าแดดอ่อนลง เวลาที่ผิวคุณจะทนแดดได้ก็จะเพิ่มขึ้นนั่นเอง สรุปได้ว่า การที่มี SPF มากขึ้นจะสามารถเพิ่มระยะเวลาให้ผิวทนต่อแดดได้นานขึ้นนั้นเอง      เนื่องจากค่า SPF สามารถบอกได้ถึงความสามารถในการป้องกันรังสี UVB…

แบ่งปันบทความดีๆผ่านทาง
Read More
by Unknown author

แดดเปรี้ยงหน้าร้อน! ดูแลผิวตัวเองยังไงดี

     แสงแดดจากดวงอาทิตย์มีวิตามินดี ซึ่งช่วยในการเสริมสร้างแคลเซียมในกระดูก และฟัน รวมทั้งเป็นการกระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อและระบบประสาท อย่างไรก็ตามหากผิวได้รับแสงแดดมากเกินไป จะทำให้เกิดความเสียหายให้แก่ชั้นผิวหนัง  เช่น ผิวแห้ง ผิวไหม้ หรือ เกิดริ้วรอยบนใบหน้า และอาจจะมีความเสี่ยงในการก่อมะเร็งผิวหนังได้ วันนี้เราจึงมีวิธีดีๆในการปกป้องผิวในช่วงหน้าร้อนมาฝากกัน   1. ดื่มน้ำให้มากขึ้น   การดื่มน้ำนอกจากช่วยลดน้ำหนักในทางอ้อมได้แล้ว ก็ยังสามารถทำให้ผิวสวยไร้สิวได้ด้วย ไม่ว่าจะผิวแห้ง ผิวลอก หรือผิวมันเกินไป การดื่มน้ำในปริมาณมากเพียงพอสามารถปรับสมดุลในร่างกายเรา ให้มีผิวที่ดูเปร่งปรั่ง ไม่หมองคล้ำ สุขภาพผิวที่ดีต้องมาจากภายใน มาเริ่มจากการดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกายกันเถอะ     2. ออกกำลังกายในที่ร่ม   ถึงแม้ว่าแดดจะร้อนแรงแค่ไหนก็ตาม การออกกำลังกายยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง นักวิจัยได้ค้นพบว่า ถึงแม้ว่าคุณจะมีอายุมากกว่า 40 ปี แต่ถ้าออกกำลังกายเป็นประจำ จะมีผิวที่ยืดหยุ่นคล้ายกับผิวของคนที่มีอายุระหว่าง 20-30 ปีเลยทีเดียว นอกจากนี้แล้ว การออกกำลังกายยังช่วยเพิ่งการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนในผิว ทำให้ผิวมีสิวน้อยลงด้วย นอกจากนี้ เหงื่อของเราช่วยขับสารพิษและสิ่งอุดตันในรูขุมขนใต้ผิวหนังออกมา ทำให้ผิวมีสุขภาพดีมากขึ้น และการออกกำลังกาย ยังช่วยให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนมาดูแลผิวหนังเราได้ดีขึ้นอีกด้วย รู้อย่างนี้แล้ว ต้องหาเวลาไปออกกำลังกายกันแล้วแหละ   3. ล้างหน้าอย่างถูกวิธี   หลังจากที่เราทำกิจกรรมมาทั้งวัน ไม่ว่าจะทำงาน หรือไปออกกำลังกายมาก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดเลย คือเราต้องดูแลความสะอาดของผิว มลภาวะในอากาศมีทั้งแบคทีเรียและฝุ่นสกปรก ที่สามารถทำให้ผิวเราหมองคล้ำได้ การล้างหน้าอย่างถูกเวลาและถูกต้อง จึงสำคัญต่อสุขภาพผิวเรามากๆ ช่วงเวลาที่เราควรล้างหน้า คือตอนเช้า และตอนเย็น หรือหลังจากกิจกรรมที่ทำให้หน้าเรามันหรือสกปรก นอกจากนั้น เราไม่ควรล้างหน้ามากเกินไปเพราะว่าอาจจะทำให้ผิวแห้งได้ เราควรหลีกเลี่ยงการใช้สบู่ในการล้างหน้า เพราะว่าด่างในสบู่จะล้างไขมันออกไปหมด ในทางตรงกันข้าม การใช้ครีมล้างหน้าที่เป็นกรดเล็กน้อย จะช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเจริญเติบโตบนใบหน้า ช่วยลดสิว และทำให้หน้าใสอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเรามีโฟมล้างหน้ามาแนะนำ เป็น Face cleansing program ของ Riviera Suisse ซึ่งสามารถทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง และเหมาะสำหรับทุกสภาพผิวเลย 4. ทาครีมกันแดดประจำ   ในช่วงหน้าร้อนถึงแม้ว่าเราจะออกไปข้างนอกบ้านหรืออยู่ในบ้าน อากาศร้อนและแดดแรงๆ เป็นสาเหตุทำให้ผิวแห้งกร้านและหมองคล้ำ เราจึงควรเลือกทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 หรือ 50 ขึ้นไป โดยทาทิ้งไว้ประมาณ 15 – 30 นาทีก่อนออกจากที่ร่ม นอกเหนือจากนั้นอาจจะทาครีมบำรุงผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ความกระจ่างใสให้กับผิวของเรา 5. ใช้ครีมบำรุงผิวที่ช่วยลดความมันบนใบหน้า   เนื่องจากอากาศร้อน ทำให้เกิดเหงื่อมากขึ้นและต่อมไขมันผลิตความมันออกมาเพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุให้หน้ามันเยิ้ม ผิวหน้าเหนอะหนะ และอาจทำให้เกิดสิวได้ ดังนั้นเราควรช่วยให้ผิวสามารถกักเก็บน้ำได้ โดยการเพิ่มความชุ่มชื้นผิวอยู่เสมอด้วยการทาครีมมอยเจอร์ไรเซอร์ หรือเซรั่มที่ช่วยกระตุ้นผิวให้สร้างมอยเจอร์ไรเซอร์ตามธรรมชาติ      สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะเลือกครีมกันแดด…

แบ่งปันบทความดีๆผ่านทาง
Read More

Shopping cart

0
image/svg+xml

No products in the cart.

Continue Shopping