ฝ้า กระ เป็นหนึ่งในปัญหาผิวอันดับต้น ๆ ของหลาย ๆ คนที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นบนใบหน้าของเรา เนื่องจากเป็นปัญหาผิวที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ทำให้ผิวหน้าไม่สม่ำเสมอ เกิดความไม่มั่นใจในผิวของตัวเองได้ ฝ้าและกระสามารถพบได้ในผิวทุกประเภท โดยปกติแล้ว มีสาเหตุมาจากทั้งฮอร์โมนภายในร่างกายหรือสภาพแวดล้อมภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “แสงแดด”
ฝ้า กระ คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร ?
ฝ้า (Melasma) จะมีลักษณะเป็นรอยปื้น ใหญ่ มีสีน้ำตาลเข้มกว่าสีผิวปกติของเราไปจนถึงสีเทา เกิดจากเซลล์เมลาโนไซต์ที่อยู่ในผิวหนังกำพร้าชั้นล่างสุด ผลิตเมลานินหรือที่เรียกว่าเม็ดสีของผิวหนังออกมามากเกินไป โดยบริเวณโหนกแก้มและสันจมูกจะเป็นบริเวณที่มีฝ้าเกิดขึ้นได้บ่อย เนื่องจากเป็นบริเวณที่กระทบแสงแดดบ่อยที่สุด ฝ้าสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ “ฝ้าตื้น” และ “ฝ้าลึก” ความต่างของฝ้าสองประเภทนี้จะสังเกตได้จากระดับความลึกและความเข้มของเม็ดสี ถ้าเป็นฝ้าตื้น เม็ดสีที่ผลิตออกมามากเกินไปจะมีความเข้มของสีที่อ่อนกว่าฝ้าลึก โดยอยู่บริเวณชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น ส่วนฝ้าลึก เม็ดสีจะเกิดขึ้นบริเวณที่ชั้นหนังแท้
กระ (Freckle) จะมีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาล บนใบหน้า ลำคอหรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่โดนแสงแดดบ่อย ๆ พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีผิวขาว เนื่องจากเม็ดสีเมลานินทำงานผิดปกติ
กระสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่
- กระตื้น : จะเป็นจุดสีน้ำตาลเล็กขนาดไม่เกิน 0.5 เซนติเมตร ส่วนใหญ่จะขึ้นบริเวณจุดที่แสงแดดตกกระทบง่าย เช่น โหนกแก้ม หรือจมูก
- กระลึก : มีลักษณะที่คล้ายกันกับกระตื้นแต่จะมีสีน้ำตาลที่เข้มกว่าหรือค่อนข้างไปทางสีเทา เป็นได้ทั้งแบบจุดหรือแผ่น แต่ขอบจะไม่ชัดเจน
- กระแดด : มีลักษณะเป็นจุดหรือปื้นสีน้ำตาล ขอบชัดเจน ขนาดไม่เกิน 1 เซนติเมตร จะเกิดกับผู้ที่อยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน หรือผู้ที่เริ่มมีอายุ
- กระเนื้อ : เป็นก้อนนูนสีเข้ม ผิวอาจจะเรียบหรือขรุขระก้ได้ ขนาดไม่ใหญ่มาก เกิดได้ทั้งใบหน้า ลำคอ และลำตัว สาเหตุมาจากการที่ผิวหนังกำพร้าเจริญเติบโตผิดปกติ
สาเหตุที่ก่อให้เกิดฝ้า กระ
- แสงแดด เป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก ๆ สำหรับทุกคนที่ทำให้เกิดฝ้า กระ เนื่องจากการที่ผิวของเราได้รับแสงแดดเป็นเวลานาน ทำให้ไปกระตุ้นเซลล์เมลาโนไซต์ให้ผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ซึ่งเม็ดสีเมลานินนั้นมีส่วนช่วยในการปกป้องผิวจากรังสี UV ดังนั้นการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานจะส่งผลให้มีการผลิตเม็ดสีมากขึ้น ทำให้เกิดฝ้า กระขึ้นได้
- ฮอร์โมนในร่างกาย โดยปกติแล้วฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ดังนั้นการตั้งครรภ์หรือการใช้ฮอร์โมนรูปแบบต่าง ๆ เช่น การรับประทานยาคุมกำเนิด การรักษาด้วยฮอร์โมน จะทำให้ฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงและกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน
- พักผ่อนไม่เพียงพอ นอกจากจะทำให้ผิวหน้าเกิดริ้วรอย มีสิวง่ายขึ้น และหมองคล้ำแล้ว เมื่อร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอจะทำให้ระบบภายในร่างกายไม่สมดุล ฮอร์โมนในร่างกายก็จะไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ฝ้า กระ เกิดขึ้นหรือไม่หายไป
ฝ้า กระ รักษายังไง ?
- รักษาด้วยยา เป็นการใช้ยาทาแบบครีม ที่มีส่วนผสมหลักเป็นสารฟอกสีตัวเดียวหรือหลายตัวเป็นส่วนประกอบ เพื่อช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น เช่น ยาทากลุ่มกรดวิตามินเอหรือเรตินอยด์ กรดอะซีลาอิก กรดโคจิก กรดไกลโคลิก แต่หากใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารฟอกขาวที่มีความเข้มข้นมากหรือใช้เป็นระยะเวลานานโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาจจะทำให้ผิวหนังระคายเคือง หรือเกิดฝ้าถาวรได้
- ทำทรีทเม้นต์หน้า เป็นอีกวิธีที่รักษาฝ้า กระ รวดเร็วกว่าการใช้ครีมรักษา ซึ่งจะมีอยุ่ด้วยกัน 2 วิธีหลัก ๆ คือ
- การรักษาด้วยเลเซอร์ จะใช้ลำแสงเลเซอร์ยิงลงไปบริเวณที่เกิดฝ้าโดยตรงและทำลายเซลล์สร้างเม็ดสีด้วยความร้อน ซึ่งจะสามารถให้ผลที่รวดเร็วและจัดการกับสีผิวที่ไม่สม่่ำเสมอได้ แต่ผลของการรักษาอาจจะทำให้ฝ้าจางลงเพียงชั่วคราวหรืออาจจะไม่ได้ผลในบางราย
- การผลัดเซลล์ผิวหนัง เป็นการใช้สารฟอกขาวหรือสารที่มีความเป็นกรดคอยช่วยเร่งให้ผิวเกิดการผลัดเซลล์ผิวหนังชั้นนอก เพื่อช่วยให้ผิวมีความสม่ำเสมอมากขึ้น แต่การรักษาด้วยวิธีนี้ก็อาจจะทำให้สีผิวเข้มมากขึ้น
วิธีป้องกันฝ้า กระ
- หลีกเลี่ยงการเจอแสงแดดโดยตรง เนื่องจากฝ้า (melasma) และกระ (freckle) มาจากหลายสาเหตุ และหนึ่งในสาเหตุหลักเลยก็คือแสงแดด เราจึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงเพื่อป้องกันผิวไม่ให้โดนรังสี UV ทำร้ายเซลล์ผิวหนังเรา
- ทาครีมกันแดด ก่อนเจอแสงแดดโดยตรง ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 ก่อนที่จะต้องออกไปเผชิญหน้ากับแดดโดยตรงเพื่อป้องกันรังสี UV ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น อย่าง Face balm SPF30 PA+++ ของรีเวียร่า สวิซ ที่สามารถบำรุงผิวพร้อมกันแดดได้ในตัวเดียว อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว
- ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง สุขภาพส่งผลต่อภาพลักษณ์ภายนอกโดยรวม ดังนั้นการดูแลตนเอง พักผ่อนให้เพียงพอ ลดกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้เครียด ออกกำลังกาย เพิ่มกิจกรรมที่ผ่อนคลายเข้าไปในชีวิตของเรา และดื่มน้ำให้เพียงพอ นอกจากจะช่วยลดโอกาสการเป็นฝ้า หรือกระแล้ว ยังทำให้ผิวกระชับ ลดริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า และช่วยให้ผิวกักเก็บน้ำได้ดีและชุ่มชื้นมากขึ้นอีกด้วย
Source: pobpad.com, thecloverskinclinic.com, romrawin.com